![]() ![]() |
![]() |
Mobile![]() |
![]() |
![]() |
หน้าแรก | รายการสินค้า | ดูสินค้าในตระกร้า | วิธีซื้อสินค้า | ศูนย์บริการลูกค้า |
| เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | ![]() |
|||
![]() |
ข่าว
ราคูเท็นคาดยอดขายออนไลน์โต9เท่าได้มือถือแท็บเล็ตหนุน
ราคูเท็น คาดยอดขายออนไลน์เติบโต 9 เท่า จากการซื้อขายผ่านมือถือและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ค้าออนไลน์ ชี้ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงช่องทางสังคมออนไลน์ นอหเหนือจากหน้าร้านจริง เพื่อทำแบรนด์ให้แข็งแรง...
ราคูเท็น ผู้ดำเนินเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลกเทียบจากยอดขาย และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ตลาดดอทคอม (Tarad.com) เว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ประกาศว่า บริษัทฯ คาดว่าความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างแพร่หลาย จะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อย 9 เท่าในปีนี้ ขณะที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ อาทิ สมาร์ทโฟน กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างการเติบโตของยอดขายออนไลน์ในปัจจุบัน ราคูเท็นเชื่อว่าการใช้งานอุปกรณ์แท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ค้าออนไลน์อย่างมาก โดยได้เห็นสัญญาณการเติบโตว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้ออุปกรณ์มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์พีซี นาย เคนอิจิโร่ นะกะจิมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอุปกรณ์เคลื่อนที่ บริษัท ราคูเท็น กล่าวว่า เราเห็นได้จากสถิติว่าเมื่อผู้ใช้พีซีเริ่มใช้สมาร์ทโฟนเพื่อซื้อสินค้าออ นไลน์ ยอดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า และเพิ่มขึ้นอีก 1.5 เท่าจากเดิมเมื่อเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนเพียงช่องทางเดียว และตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.5 เท่า เมื่อลูกค้าใช้แอพพลิเคชั่นของเรา ความสะดวกและประสบการณ์การท่องเว็บที่มีคุณภาพจากการใช้แท็บเลตนั้น ทำให้ราคูเท็นเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายผ่านแท็บเลตในระดับใกล้เคียง กัน นายนะกะจิมา กล่าวอีกว่า การขายสินค้าออนไลน์ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างช่อง ทางการขายให้แบรนด์ต่างๆสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้ช่องทางในการขายที่หลากหลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดย M-commerce นับว่าเป็นช่องทางการขายที่น่าตื่นเต้น และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ในการเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวไม่ควรละเลยการบริการที่คำนึงถึงความพึงพอใจ ของลูกค้า เช่นเดียวกับการให้บริการในร้านค้าออฟไลน์ (ร้านที่มีหน้าร้านจริง) ดังนั้นผู้ประกอบการควรสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่แบรนด์ของตนเองผ่านทุกช่อง ทางทั้ง ร้านค้าออฟไลน์ (ร้านที่มีหน้าร้านจริง) อุปกรณ์ไร้สาย และ โซเชียล มีเดีย เพื่อเสนอบริการให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่ต้องการ ABI Research (บริษัทวิจัยการตลาด เอบีไอ) เปิดเผยว่า ภายในปี 2558 การช้อปปิ้งผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย จะสร้างรายได้รวมทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 163 พันเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 12 ของยอดรายได้จากการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ผลการวิจัยชิ้นนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ ที่ว่า m-commerce (การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย) จะมีมูลค่าถึง 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2559 ปัจจุบันแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดย IMS Screen Digest (ไอเอ็มเอส สกรีน ไดเจสท์) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2557 จะมีการกระจายสินค้าแท็บเล็ตอีกกว่า 70 ล้านเครื่อง ขณะที่สำนัก งานสถิติแห่งชาติได้ประเมินมูลค่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในประเทศไทยราว 2 แสนล้านบาทในปี 2553 แต่กลับพบว่ามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ประกอบธุรกิจ ออนไลน์ ถึงแม้ว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญต่อการช้อปปิ้งตามหน้าร้าน ผู้ประกอบการควรพิจารณากลยุทธ์การใช้ช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงกับ โซเชียล มีเดีย ในเดือนกรกฎาคม 2554 Hitwise (ฮิตไวซ์) ได้สำรวจและพบว่า “fan” หนึ่งคนในเฟซบุ๊กช่วยเพิ่มการแวะชมเว็ปไซต์ร้านค้าได้ถึง 20 ครั้งในเวลา 1 ปี ผู้ประกอบการจึงควรวางแผนการใช้โซเชียล มีเดียประเภทต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงเฉพาะเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ แต่รวมถึงการพัฒนาสินค้าและการบริการอีกด้วย ที่มา : ไทยรัฐ URL : http://www.thairath.co.th/content/tech/244782 |
|
12 มีนาคม 2555 |
ข่าวประจำวันที่ 12 มีนาคม 2555 | ดูข่าวอื่นๆ |